กลยุทธ์การลงทุน Crude Oil (WTI) ประจำวันที่ 17 ก.ค. 2568
17 ก.ค. 2025
Day โครงสร้างเทรนด์ขาขึ้น วานนี้ราคาน้ำมันปรับตัวเคลื่อนที่ลงมาบริเวณแนวรับ OB H4 (64.954-64.507) ที่ให้ไว้ (ตามคาด) ก่อนจะดีดขึ้นไปบริเวณแนวรับ SRF (66.129-65.494) ที่หลุดลงมา (ตามคาด) ราคาน้ำมันปรับตัวร่วงลงในช่วงเช้า – เย็น จากปัจจัยปริมาณสต็อกน้ำมันสหรัฐ เพิ่มขึ้น ตลอดจนการขยายเส้นตาย รัสเซีย ออกไป 50 วัน ก่อนจะมีการเรียกเก็บภาษี 100% (หรืออาจจะ 500% ตามที่สส ส่งเรื่องพิจารณาในรัฐสภา) ในข่วงค่ำราคาได้อานิสงค์ดีดขึ้น ประกอบกับราคาร่วงแตะระดับ Oversold H1 ราคามีความผันผวนอย่างหนัก จากกระแสจาก Bloomberg การที่จะปลดเฟดขอทรัมป์ แต่ท้ายที่สุดทรัมป์ออกมาปฎิเสธในเรื่องนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดตลาดที่ 66.38 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 0.2% จากวันก่อนหน้า
ข่าวลือทรัมป์ปลดเฟด สร้างความปั่นป่วนในตลาด… ปัจจัยกดดัน USD กดดันราคาน้ำมัน
- ช่วงเวลาประมาณ 21.00 (ตามเวลาประเทศไทย) 16 ก.ค. มีกระแสข่าวจาก Bloomberg โดยแหล่งข่าวในทำเนียบเผยว่า ทรัมป์มีการพูดคุยกับ ส.ส. พรรครีพับลิกัน ซึ่งหลายคนเห็นชอบ “ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะปลด เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด เร็วๆนี้” สร้างความผันผวนให้ตลาด มีแรงเทขาย USD (อันเนื่องจากหากข่าวเป็นจริงจะมีโอกาสที่ประธานเฟดคนใหม่ปรับลดดอกเบี้ย USD ลงที่มากกว่า 0.25% ทันที) ในช่วงเวลาถัดมา ทรัมป์ แถลง ถึงข่าวลือว่า “ไม่มีการวางแผนการปลดพาวเวลล์อย่างแน่ชัด เว้นแต่เขาต้องออกเองเพราะการฉ้อโกง” ราคาสินทรัพย์ในตลาดจึงกลับมาสู่สภาวะปกติในเวลาถัดมา
- แม้ว่าทรัมป์ มีความคิดทีจะปลดประธานเฟด แต่ตามกฎหมายสหรัฐ ระบุว่า ประธานาธิบดีไม่อาจใช้อำนาจในการปลด ได้ตามอำเภอใจ แต่จะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจน เช่น กระทำผิดร้ายแรง / ละเว้นการหน้าที่ หรือทุจริต หรือทำผิดอาญา
- จึงเป็นที่มาว่า ทรัมป์ จะนำเรื่อง การให้การของเฟด ต่อ วุฒิสภา ในเรื่อง “การปรับปรุงอาคาร FED ที่มูลค่าเกินจริง 2.5 พันล้านดอลลาร์” ซึ่งส่อเค้าให้เห็นถึงการทุจริต
- ในขณะที่ พาวเวล์ เรียกร้องให้ผู้ตรวจสอบอิสระเข้ามาตรวจสอบ งบประมาณดังกล่าว ว่าถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ Fed เองได้รับแรงสนับสนุน จากฝ่ายค้าน และ วุฒิสภา ด้วยดีตลอดมา
ประกาศตัวเลข PPI สหรัฐ ออก 0.0% (ในเดือน มิ.ย.) สร้างควาประหลาดใจในตลาด
- ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนมิ.ย. ซึ่งสร้างความประหลาดใจ แต่อาจจะมาจาก จากต้นทุนสินค้าบางประเภท เช่น อุปกรณ์สื่อสาร เพิ่มขึ้น (จากผลของภาษีนำเข้า) เท่ากับ การบริการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง (ตั๋วเครืองบิน และที่พักปรับตัวลดลง) โดย PPI เดือนมิ.ย.ทรงตัว (0.0%) ต่ำกว่า เดือนพ.ค. 0.3%
- ซึ่งนักลงทุนคาดว่า เฟดอาจตัดสินใจ จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25%-4.50% ในการประชุมนโยบายวันที่ 29-30 ก.ค. นี้
การเจรจาทางการค้าเริ่มส่อแววคลี่คลาย คาดผลการเจรจากตามออกมาดีอีกหลายประเทศ… ปัจจัยบวกต่อ USD และน้ำมัน
- 16 ก.ค. ทรัมป์ ประกาศ สหรัฐ -อินเดีย ใกล้บรรลุข้อตกลงทางการค้า และมีความเป็นไปได้กับ สหภาพยุโรป (EU) เช่นกัน (ในขณะที่ สหรัฐ- แคนนาดา ยังคงติดปัญหาในการเจรจากันอยู่ เช่นเดียวกับ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้)
- 16 ก.ค ทรัมปกล่าว มีโอกาสที่จะเก็บภาษีแบบ เหมารวม 10% หรือ 15% กับประเทศเล็กๆ
- 15 ก.ค. ทรัมป์ ประกาศบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่าง สหรัฐ -อินโดนิเซีย โดยสินค้านำเข้าสหรัฐจากอินโดนิเซียคิดภาษีนำเข้า 19% (จากเดิม 32%) และสิ่นค้าสหรัฐเข้าอินโดนิเซีย “ปลอดภาษี”
- สหรัฐ-จีน กลับมาเดินตามกรอบการเจรที่ลอนดอนล่าสุด จีนผ่อนคลายการส่งออก Rare Earth ให้สหรัฐ ในขณะที่สหรัฐผ่อนคลายการส่งออก ชิปให้จีน ส่งผลให้ Nasdaq (ที่มีบริษัท IT ชั้นนำของสหรัฐ) ปรับตัวขึ้น
– ในขณะที่ Nvidia รุกหนัก หลังจากได้รับไฟเขียวจากกระทรวง พาณิชย์สหรัฐ มองหาช่องทางในากรส่ง “ชิปที่ก้าวหน้ากว่ารุ่นปัจจุบันไปจีน” เพื่อฟื้นยอดขาย
H4/H1 สิ้นสุดโครงสร้างขาขึ้นใน TF H4 ราคาปรับร่วงลงมา ปิดต่ำกว่าจุด Choch H4 65.497 และยังคงไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือราคานี้ได้สำเร็จ มุมมองเชิง ในขณะที่ H1ยังคงเป็นการเคลื่อนที่แบบ Sideway Down มุมมองฝั่งขายยังคงได้เปรียบอยู่
คำแนะนำ
- เปิดสถานะขาย (รอสัญญาณขาย)กรอบ 66.129-65.494 / SL 66.800 เพื่อทำกำไรระยะสั้น 65.278/65.129/64.879/64.703/64.528/64.310
แนวรับ 64.392/63.515/62.408
แนวต้าน 65.816/66.647/67.338

ปฎิทินข่าวเศรษฐกิจ 17 ก.ค.2568

บทวิเคราะห์ข่าว
- ประกาศตัวเลขน้ำมันคงคลัง EIA 17 ก.ค.
– ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง -3.9 M (คาด -1.8M) สะท้อนการดึงน้ำมันดิบเข้าสู่กระบวนการกลั่นที่มาก ทำให้ปริมาณน้ำมันดิบลดลง (AIP Report รายงานในทิศทางที่ตรงข้าม จึงยังไม่ส่งผลมากนัก)
– ปริมาณนำมันกลั่นคงคลัง + 4.2 M และ ปริมาณแก็สโซลีน +3.4 M ซึ่งยังคงเป็นปริมาณการจัดเก็บเพื่อใช้ในการบริโภคภายในที่สูง …กดดันราคาน้ำมัน - ติดตามประกาศตัวเลข Retail Sales ในคืนนี้ซึ่งให้ผลทางอ้อมต้องความต้องการใช้น้ำมัน หากยอดค้าปลีกสูง บ่งบอกถึงเศรษบกิจที่ฟื้นต้วความต้องการใช้น้ำมันสุงขึ้น แต่หากตัวเลขต่ำลงความต้องการใช้น้ำมันลดต่ำลงด้วยเช่นกัน (กดดันราคาน้ำ้มัน)
- ติดตาม ดัชนีวัดภาคการผลิต ฟิลาเดลเฟีย ที่มีความต้องการน้ำมัน ดีเซลและเบนซินค่อนข้างมาก หากดัชนีออกมาเป็นบวก สะท้อนภาคการผลิตขยายตัวขึ้น (ความต้องการใช้นำมันมากขึ้น)แต่หากยังคงติดลบอยู่ความต้องการใช้น้ำมันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
โดย Trin Anuwattanawong