กลยุทธ์การลงทุน Crude Oil (WTI) ประจำวันที่ 21 ต.ค. 2568
21 ต.ค. 2025
Day วานนี้ ราคาน้ำมันปรับตัวร่วงลงบริเวณแนวรับที่ให้ไว้ 56.117-56.491 มี Rebound ขึ้นเบาๆ แต่ยังขาดปัจจัยเสริมในการดันราคากลับขึ้นกลับบริเวณแนวต้าน แรงกดดันจากข้อมูล EIA ในเรื่องความกังวลอุปทานน้ำมันล้นตลาด ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ – จีน กลับมาเพิ่มแรงกดดัน ต่อความคาดการณ์และการใช้พลังงานน้ำมัน ปิดแท่งรายวัน Bearish with long Shadow บริเวณกรอบ แนวตับ 56.488 -แนวต้าน 58.533 สร้าง Lower ต่ำกว่าเดิม ใน Channel Down trend Day
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ปิดที่ $ 57.52 ต่อบาร์เรล ลดลง 0.03%
EIA คาดว่าอุปแทานน้ำมันทั่วโลกจะล้นตลาด .. ปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน
- 17 ต.ค. รายงาน International Energy Agency (IEA) เกี่ยวกับภาวะอุปทาน-ความต้องการน้ำมันดิบทั่วโลก ซึ่งสะท้อนถึง “อุปทานล้นตลาด”
– ปทานน้ำมันจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ในปี 2025 และอีกประมาณ 2.4 ล้านbpd ในปี 2026.
– การเพิ่มของอุปทานมาจากทั้งกลุ่ม OPEC+ (รวม OPEC + รัสเซีย +พันธมิตร) และกลุ่มนอก OPEC (non-OPEC) เช่น สหรัฐฯ แคนาดา บราซิล กายอานา
– 2025 ความต้องการจะเพิ่มราว 680,000 บาร์เรลต่อวัน (kb/d) และในปี 2026 เพิ่มประมาณ 700,000 kb/d. ซึ่งเป็นการเติบโตนำ้มันที่ต่ำกมาก เมื่่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า
– IEA ระบุว่าสต็อกน้ำมันทั่วโลก (crude + products) กำลังถูกสะสมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในนอก OECD และในจีน ที่มีการกักเก็บเพื่อสำรอง.
จีนยังคงย้ำการควบคุมการส่งออกแร่หายาก …. ปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน
- การส่งออกแม่เหล็กแร่หายากจากจีนไปยังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ลดลงในเดือนก.ย. ก่อนที่จีนจะยกระดับความตึงเครียดด้วยการขยายมาตรการควบคุมการส่งออกเพิ่มเติม ท่ามกลางการเจรจาการค้าระหว่าง 2 เศรษฐกิจใหญ่ของโลก โดยการส่งออกแม่เหล็กแร่หายากไปยัง สหรัฐฯ ลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เหลือเพียง 421 ตัน จาก 590 ตันในเดือนส.ค. ขณะที่การส่งออกไปยุโรปลดลงเหลือ 2,461 ตัน จาก 2,582 ตันในเดือนก่อนหน้า ส่งออกผลิตภัณฑ์แร่หายากโดยรวมของจีนรวมไปถึงกลุ่มสินค้าที่แม่เหล็กเป็นส่วนหลัก ปรับตัวลดลงเช่นกัน
ทรัมป์ดิวตรงออสเตรเลีย นำเข้าแร่หายาก ลดการพึ่งพาจีน แต่ยังคงขู่ขึ้นภาษีหากการเจรจากับจีนไม่ได้ผล… ปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน
- ทรัมป์ ลงนามในข้อตกลงกับนายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบาเนซี ของออสเตรเลีย เพื่อเพิ่มการเข้าถึงแร่สำคัญและแร่หายาก ซึ่งเป็นทรัพยากรยุทธศาสตร์ต่ออุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีขั้นสูง … ลดการพึ่งพาจากจีน ไปอีก 1 ปี จากนี้
- อัลบาเนซีระบุว่า ข้อตกลงนี้เท่ากับเป็นการเปิดประตูการลงทุนมูลค่า 8,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่พร้อมดำเนินการทันที และยกให้เป็นก้าวสำคัญที่ยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการป้องกันประเทศระหว่าง 2 ชาติไปสู่อีกระดับหนึ่ง”
- ทรัมป์ ระบุว่า แร่หายาก, เฟนทานิล, ถั่วเหลือง และไต้หวัน เป็น 4 ประเด็นหลักที่สหรัฐฯ จะหยิบยกขึ้นเจรจากับจีน ในช่วงเวลาที่ข้อตกลงสงบศึกทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศกำลังจะหมดอายุ โดยทั้งหมดเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวสูงและสะท้อนความขัดแย้งเชิงยุทธศาสตร์ระหว่าง 2 มหาอำนาจเศรษฐกิจทรัมป์กล่าวว่า “ผมไม่ต้องการให้พวกเขาเล่นเกมเรื่องแร่หายากกับเรา” และสหรัฐ อาจเก็บภาษีเพิ่มอีก 100% ต่อสินค้าจีน หลังจีนประกาศเตรียมออกมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากในวงกว้าง
- นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้จีน ยุติการส่งออกเฟนทานิลและสารตั้งต้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของ วิกฤติยาเสพติดโอปิออยด์ในสหรัฐที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันหลายหมื่นคนต่อปี
EU เตรียมเปิดศึกการค้ากับจีน ตามผลสรุปการประชุม ทรัมป์+ G7 นัดเจรจาสัปดาห์นี้ …. ปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน
- กรรมาธิการการค้าของ EU เตรียมพบจีนใน 21-22 ต.ค. เพื่อหารือเกี่ยวกับการที่จีน”จำกัดการส่งออกแร่หายาก” ที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก หลังจากที่มีการประนาม มาตราการของจีน”ไม่สามารถจัดการได้” เพราะบริษัทยุโรปที่ต้องขอใบอนุญาติจากจีน ต้องเจอกับข้อเรียกร้องที่ละเอียดมาก เช่นต้องการให้ส่งภาพสายการผลิต ข้อมูลห่วงโซ่อุปทาน(ส่งไปที่ไหนอย่างไร) ซึ่งหากมีการควบคุมการส่งออกระดับเข้มข้นเช่นนี้ จะส่งผลต่อ ราคาเทคโนโลยีที่ปรับแพวขึ้นถือเป็นการจำกัดในการพัฒนาเทคโนโลยี โดยเฉพาะ แบตเตอร๊่รถยนต์ไฟฟ้า และอุปการณ์อิเล็กทรอนิกส์
- จีนได้ประกาศมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การขุด แยกสาร การผลิตแม่เหล็ก แบตเตอรี่ ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ไฟฟ้า (เช่น electric vehicles) โดยอ้างเหตุผลด้าน “ความมั่นคงแห่งชาติ” และการควบคุมการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงภายนอกประเทศ
คณะรัฐมนตรียุโรปเห็นชอบการยุติการนำเข้าน้ำมันและก็าซจากรัสเซียภายใน ม.ค. 2028
- คณะรัฐมนตรียุโรป (Council of the European Union) เปิดเผยว่า รัฐมนตรีพลังงานของสหภาพยุโรป (EU) เห็นชอบแผนการยุติการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียอย่างค่อยเป็นค่อยไปภายในเดือนม.ค. 2028 เพื่อจำกัดรายได้ของรัสเซียซึ่งใช้สนับสนุนการทำสงครามในยูเครน ซึ่งตามแผนดังกล่าว EU จะเริ่มห้ามทำสัญญานำเข้าก๊าซรัสเซียฉบับใหม่ตั้งแต่เดือนม.ค. 2026 รวมถึงยกเลิกสัญญาระยะสั้นที่มีอยู่ในเดือนมิ.ย. 2026 และยุติสัญญาระยะยาวทั้งหมดในเดือนม.ค. 2028 โดยได้รับการรับรองจากที่ประชุมรัฐมนตรีพลังงานที่จัดขึ้นในลักเซมเบิร์ก
- รัสเซียมีสัดส่วนราว 12% ของการนำเข้าก๊าซทั้งหมดของอียู ลดลงอย่างมากจาก 45% ก่อนการรุกรานยูเครนในปี 2022 โดยประเทศที่ยังคงรับก๊าซจากรัสเซีย ได้แก่ ฮังการี ฝรั่งเศส และเบลเยียม
ทรัมป์ขู่ตอบโต้จีน จากที่จีนประกาศคว่าำบาตรธุรกิจในสหรัฐ… ปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน
- รัมป์ ออกแถลงการณ์เตือนจีน หลังจีนประกาศคว่ำบาตรหน่วยธุรกิจในสหรัฐฯ ของบริษัทเดินเรือยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ เนื่องจากบริษัทดังกล่าวมีแผนเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมเดินเรือของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ
- Jamieson Greer ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) กล่าวว่า “การตอบโต้ของจีนต่อบริษัทเอกชนทั่วโลก เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบการบีบบังคับทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างอิทธิพลต่อการเมืองของสหรัฐฯ และควบคุมห่วงโซ่อุปทานโลก โดยการข่มขู่ไม่ให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมสำคัญของอเมริกา เช่น การต่อเรือและอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์อื่นๆ
- คำเตือนจากเกรียร์ ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดในความขัดแย้งทางทะเลที่ยืดเยื้อระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งจีนเป็นผู้ผลิตเรือรายใหญ่ที่สุดของโลก ครองสัดส่วนมากกว่าครึ่งของกำลังการผลิตทั้งหมด และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้พยายามขยายอิทธิพลในการควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ใน ทะเลจีนใต้
ทรัมป์ขู่อินเดียต่อ “หยุุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย” …
- ทรัมป์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ให้คำมั่นจะหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย พร้อมเตือนว่า หากอินเดียไม่ดำเนินการตามนั้นก็จะต้องเผชิญภาษีมหาศาลต่อไป “ผมพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีโมดีของอินเดีย เขาบอกกับผมว่าเขาจะไม่ทำเรื่องน้ำมันรัสเซียอีกต่อไป”/ การซื้อน้ำมันจากรัสเซียถือเป็นประเด็นขัดแย้งที่สำคัญในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับอินเดีย โดยทรัมป์เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียในอัตราสูงถึง 50% และครึ่งหนึ่งของภาษีดังกล่าวเป็นการตอบโต้ ต่อการที่อินเดียยังซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่ารายได้จากการขายน้ำมันของรัสเซียถูกนำไปใช้เป็นทุนสนับสนุนสงครามในยูเครน
- ในขณะที่อินเดียออกมาปฎิเสธ “ไม่มีการพูดคุยกับทรัมป์” อย่างที่ทรัมป์กล่าว อินเดียย้ำว่า นโยบายด้านพลังงานของประเทศนั้น ขับเคลื่อนโดย ความมั่นคงทางพลังงาน และ ผลประโยชน์ของผู้บริโภคภายในประเทศ เป็นหลักไม่ได้เพื่อตอบสนองคำขอจากภายนอก
- อินเดียยังคงนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียในระดับสูง และยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าจะยุติทันที หรือชะลอในช่วงเวลาอันใกล้ — ข้อมูลบางแห่งระบุว่าอาจจะ “เริ่ม” ลดลงช่วงปลายปีหรือปีหน้า
สภาการค้าต่างประเทศสหรัฐ ยื่นร้องทรัมป์ยกเลิกกฎ “Affiliates Rule”ที่ทำให้ส่งออกสหรัฐหยุดชะงัก….
- สภาการค้าต่างประเทศแห่งชาติสหรัฐฯ (National Foreign Trade Council: NFTC) ซึ่งมีบอร์ดบริหารประกอบด้วยบริษัทชั้นนำอย่าง Oracle, Amazon และ Exxon Mobil เรียกร้องให้สหรัฐ ยกเลิก บังคับใช้กฎ “Affiliates Rule” โดยทันที ซึ่งทำให้การส่งออกของสหรัฐหยุดชะงักหลายพันล้านดอลลาห์สหรัฐ และอาจกระตุ้นให้จีนและประเทศอื่นๆ ถอนบริษัทออกจากอเมริกา
- “Affiliates Rule” เป็นข้อกำหนดของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ที่ห้ามบริษัทอเมริกัน (รวมถึงบริษัทต่างชาติที่จดทะเบียนในอเมริกา) ส่งสินค้าและเทคโนโลยีให้กับบริษัทต่างชาติที่มีที่ถูกสหรัฐ คว่ำบาตร ซึ่งรวมถึงบางบริษัทในจีน
H4/H1 เคลื่อนที่ลงใน channel Downtrend ใน Day และ H4 มีการสร้าง Low ใหม่ 55.970 บริเวณแนวรับที่ให้ไว้ เริ่มปรากฎสัญญาณ Bullish Divergence H4 อาจมีจังหวะในการ Reboundขึ้นเล็กน้อยเพื่อลงต่อ
คำแนะนำ(แผนเดิม)
- เปิดสถานะซื้อ (รอสัญญาณซื้อ)ที่กรอบ56.205-55.617/ SL 56.000 เพื่อทำกำไรที่ 56.663/56.807/57.050/57.221/57.392/57.463/57.603/57.945
- เปิดสถานะขาย (รอสัญญาณขาย)ที่กรอบ 57.834-58.550/ SL 58.800 เพื่อทำกำไรที่ 57.603/57.463/57.392/57.221/57.050/56.807/56.663/56.498
แนวรับ 56.205/55.617/55.229
แนวต้าน58.533/59.278/60.023

โดย Trin Anuwattanawong