Gold Morning Brief และภาวะตลาดวันนี้

12 ก.พ. 2024

ราคาGold ทองสปอตที่ตลาดสหรัฐร่วงลง 9.02 ดอลลาร์ สู่ 2,024.16 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการปรับลง 0.71% จากสัปดาห์ที่แล้ว โดยราคาทองได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค ประจำเดือนม.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันอังคารที่ 13 ก.พ. ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีปรับขึ้นจาก 4.170% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี สู่ 4.187% ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 4.195% ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. โดยการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรส่งผลลบต่อราคาทอง เพราะทองเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกเบี้ย

  • ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันศุกร์ ในขณะที่นักลงทุนกังวลกับความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง หลังจากนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงจากกลุ่มฮามาสในวันพุธที่ผ่านมา และกองทัพอิสราเอลยังคงดำเนินการโจมตีทางอากาศต่อเขตฉนวนกาซาต่อไปในวันศุกร์ หลังจากที่เพิ่งทิ้งระเบิดใส่เมืองราฟาห์ในเขตกาซาในวันพฤหัสบดี นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบก็ได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลด้วย ในขณะที่มีการปิดกำลังการกลั่นน้ำมันในสหรัฐเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้ผลิตภัณฑ์น้ำมันอยู่ในภาวะตึงตัว โดยราคาสัญญาล่วงหน้าน้ำมันเบนซินของสหรัฐพุ่งขึ้นราว 9% จากสัปดาห์ที่แล้ว สู่ 2.34 ดอลลาร์ต่อแกลลอนในสัปดาห์นี้ ส่วนราคาน้ำมัน heating oil ของสหรัฐทะยานขึ้น 11% จากสัปดาห์ที่แล้ว สู่ 2.96 ดอลลาร์ต่อแกลลอนในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์รายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใช้งานในสหรัฐปรับขึ้น 4 แท่น สู่ 623 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนธ.ค. 
    ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมี.ค.ปรับขึ้น 62 เซนต์ หรือ 0.8% มาปิดตลาดที่ 76.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 56 เซนต์ หรือ 0.7% มาปิดตลาดที่ 82.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้นราว 6% จากสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากราคาน้ำมันดิบเพิ่งดิ่งลง 7% ในสัปดาห์ที่แล้ว
  • ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลงเล็กน้อยในวันศุกร์ แต่ดัชนีดอลลาร์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ในขณะที่ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนในช่วงนี้จากการที่เทรดเดอร์ปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ส่วนเยนได้รับแรงกดดันในช่วงนี้จากการที่เทรดเดอร์ปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น ทั้งนี้ ตลาดปริวรรตเงินตราไม่ได้รับผลกระทบจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลการปรับทบทวนประจำปีสำหรับตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค ออกมาในวันศุกร์ โดยกระทรวงแรงงานระบุว่า ดัชนี CPI สหรัฐปรับขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน โดยปรับลดลงจากระดับ +0.3% ที่เคยรายงานไว้ในเดือนที่แล้ แต่กระทรวงแรงงานระบุว่า ดัชนี CPI เดือนต.ค.ปรับขึ้น 0.1% แทนที่จะทรงตัวเหมือนที่เคยรายงานไว้ก่อนหน้านี้ และระบุว่าดัชนี CPI เดือนพ.ย.ปรับขึ้น 0.2% แทนที่จะปรับขึ้นเพียง 0.1% เหมือนที่เคยรายงานไว้ก่อนหน้านี้ ทางด้านดัชนี CPI พื้นฐานในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.อยู่ในระดับเท่ากับที่เคยรายงานไว้ก่อนหน้านี้ในส่วนของตัวเลขที่มีการปัดเศษทศนิยม โดยผลการปรับทบทวนในครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์ของนักลงทุนที่มีต่อกำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด 
    ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.10 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยขยับลงจาก 104.13 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดีดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 149.30 เยนในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 149.31 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 149.57 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. หรือจุดสูงสุดรอบ 10 สัปดาห์ โดยดอลลาร์/เยนปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการแข็งค่าขึ้น 0.63% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 5 ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมายูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0782 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.0776 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันศุกร์ แต่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดบวกขึ้นในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทขนาดยักษ์และหุ้นกลุ่มชิป ในขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกต่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และคาดว่าบริษัทสหรัฐจะรายงานผลประกอบการแข็งแกร่งต่อไป โดยขณะนี้มีบริษัทราว 2 ใน 3 ของดัชนี S&P 500 ที่รายงานผลประกอบการออกมาแล้ว และบริษัท 81% ในกลุ่มนี้เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 76% สำหรับช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยในตอนนี้นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทสหรัฐอาจพุ่งขึ้น 9.0% ในไตรมาส 4/2023 โดยปรับขึ้นจากระดับ +4.7% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในวันที่ 1 ม.ค. ทั้งนี้ หุ้นบริษัทเอ็นวิเดียปิดพุ่งขึ้น 3.6% ในวันศุกร์ และสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ในวันศุกร์ หลังจากรอยเตอร์รายงานข่าวว่า เอ็นวิเดียกำลังจะจัดตั้งแผนกธุรกิจใหม่ที่เน้นไปที่การออกแบบชิปสำหรับบริษัทประมวลผลในระบบคลาวด์ และสำหรับการประมวลผล AI ขั้นสูงด้วย ทางด้านดัชนีฟิลาเดลเฟียสำหรับหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐปิดพุ่งขึ้น 1.99% ในวันศุกร์ และหุ้นบริษัทขนาดยักษ์แห่งอื่น ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีก็ทะยานขึ้นในวันศุกร์ด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงหุ้นไมโครซอฟท์ที่พุ่งขึ้น 1.56%, หุ้นอะเมซอนดอทคอมที่ทะยานขึ้น 2.71% และหุ้นแอลฟาเบทที่พุ่งขึ้น 2.12% 
    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.14% สู่ 38,671.69 ในวันศุกร์ แต่ดัชนีสามารถปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการขยับขึ้น 0.04% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.57 % สู่ 5,026.61 ซึ่งถือเป็นสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ และถือเป็นการปิดตลาดเหนือระดับ 5,000 ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยดัชนี S&P 500 สามารถพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ได้ในระหว่างวันเป็นวันที่ 10 แล้วนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และดัชนีปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการทะยานขึ้น 1.4% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 1.25 % สู่ 15,990.66 ซึ่งใกล้เคียงกับสถิติระดับปิดสูงสุดที่ 16,057.44 ที่เคยทำไว้ในเดือนพ.ย. 2021 โดยดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการทะยานขึ้น 2.3% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน
  • https://www.reuters.com

ข่าวที่น่าสนใจวันนี้

ตลาดทั่วโลกวันนี้

26 มิ.ย. 2024

แรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลัง

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเงินยูโรร่วงลงใกล้ระดับต่ำสุดในช่วงที่ผ่านมา

17 มิ.ย. 2024

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเงินยูโรร่วงลงใกล้ระดับต่ำสุดในช่วงที่ผ่านมา ตลาดรั้งข้อมูลจีน

หุ้นเอเชียร่วง เงินเยนผันผวนก่อนคำตัดสิน BOJ

14 มิ.ย. 2024

ข้อมูลในวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานใหม่เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่ราคาผู้ผลิตลดลงอย่างกะทันหันในเดือนพฤษภาคม

ภาพรวมตลาดเรียลไทม์