
เปิดฉากเดือด! ทำไม อิสราเอล Vs อิหร่าน ถึงยิงกันกลางตะวันออกกลาง? date_range 23 มิ.ย. 2025
เมื่อสงครามไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
ปี 2025 ได้จารึกอีกบทหนึ่งของความรุนแรงในตะวันออกกลาง เมื่อสองขั้วมหาอำนาจในภูมิภาคอย่าง อิสราเอล และ อิหร่าน เปิดฉากโจมตีกันอย่างดุเดือด ไม่ใช่ด้วยวาทกรรมหรือคำข่มขู่ แต่ด้วยขีปนาวุธจริง โดรนติดอาวุธจริง และผู้เสียชีวิตจริงๆ สงครามที่หลายฝ่ายเคยคิดว่าเป็นเพียง “สงครามเย็นระดับภูมิภาค” ได้กลายเป็นการปะทะแบบเปิดเผย ท่ามกลางความหวาดหวั่นของโลกทั้งใบ
ต้นตอความขัดแย้ง: ไม่ได้เกิดแค่เมื่อวาน
ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านไม่ได้เกิดเพียงเพราะการโจมตีใดโจมตีหนึ่งเท่านั้น แต่ฝังรากลึกมาตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในอิหร่านปี 1979 เมื่อประเทศนี้กลายเป็นรัฐอิสลามเต็มตัว และเริ่มต่อต้านตะวันตกอย่างชัดเจน รวมถึงระบุว่า “อิสราเอลควรถูกลบออกจากแผนที่โลก”
อิสราเอลจึงมองว่า อิหร่านไม่เพียงเป็นคู่แข่งในด้านอุดมการณ์ แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของรัฐยิวเอง
นิวเคลียร์: ใครกันแน่ที่พร้อมกดปุ่มก่อน?
หนึ่งในเหตุผลหลักที่อิสราเอลตัดสินใจโจมตีก่อน คือความกลัวที่ว่า อิหร่านใกล้จะได้อาวุธนิวเคลียร์จริง การเสริมสมรรถนะยูเรเนียม การปฏิเสธเข้าตรวจสอบจาก IAEA รวมถึงการซุ่มสร้างโรงงานลับ ทำให้ “เวลาแห่งการรอคอย” ของอิสราเอลหมดลง
การเปิดฉากยิงจึงเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “โจมตีก่อน เพื่อไม่ให้โดนโจมตีทีหลัง”
สงครามตัวแทน: ศัตรูของศัตรูคือพันธมิตร
อิหร่านสนับสนุนกลุ่มต่างๆ ทั่วตะวันออกกลาง ไม่ว่าจะเป็น ฮามาส, ฮิซบอลเลาะห์, หรือ ฮูตี ซึ่งล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือต่อต้านอิสราเอล การที่อิหร่านแผ่อิทธิพลผ่านกลุ่มเหล่านี้ ทำให้อิสราเอลรู้สึกว่าตนถูก “ล้อมรอบด้วยศัตรู” และต้องทำลายเครือข่ายเหล่านั้นก่อนที่พวกเขาจะโจมตีจริง
ตอบโต้แบบไม่ไว้หน้า: อิหร่านสวนกลับทันที
หลังการโจมตีของอิสราเอล อิหร่านไม่รอช้า ยิงขีปนาวุธและโดรนตอบโต้แบบสายฟ้าแลบ ประกาศชัดเจนว่า “เราจะไม่ยอมให้ใครข่มเหงเราได้” นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง แต่มันคือการ “รักษาเกียรติ” ในระดับประเทศ
สหรัฐฯ และมหาอำนาจ: เบื้องหลังสงครามที่ไม่เคยเงียบ
ในทุกความขัดแย้งระหว่างสองประเทศนี้ มหาอำนาจโลกอย่าง สหรัฐฯ จะมีบทบาทโดยอัตโนมัติ อเมริกาสนับสนุนอิสราเอลทั้งด้านอาวุธ เงินทุน และระบบป้องกันภัยทางอากาศ ขณะที่ รัสเซีย และ จีน คอยประคับประคองอิหร่านไว้ให้ไม่ล้มอย่างสมบูรณ์
โลกจึงเหมือนถูกแบ่งออกเป็น 2 ขั้วใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งระลอกใหญ่ได้ทุกเมื่อ
ความหวังเล็กๆ ท่ามกลางควันปืน
แม้ว่าความตึงเครียดจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีช่องทางในการเจรจาผ่านองค์การสหประชาชาติ และสันติวิธีที่หลายประเทศพยายามหยิบยื่นให้ หากผู้นำทั้งสองฝ่าย “ยอมถอยหนึ่งก้าว” สงครามก็อาจไม่ลุกลามไปไกลกว่านี้
FAQs
อิสราเอลยิงอิหร่านก่อนใช่ไหม?
ใช่ เป็นการโจมตีแบบเชิงป้องกัน เพื่อทำลายโรงงานที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์
อิหร่านมีนิวเคลียร์หรือยัง?
ยังไม่มีการยืนยันชัดเจน แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าใกล้จะมีศักยภาพแล้ว
ใครเริ่มสงครามก่อนกันแน่?
ขึ้นอยู่กับมุมมอง ฝั่งอิหร่านมองว่าโดนยั่วยุ ขณะที่อิสราเอลมองว่ากำลังป้องกันตนเอง
สงครามนี้จะจบเมื่อไหร่?
ยังไม่มีใครตอบได้ ขึ้นอยู่กับการเจรจาและแรงกดดันจากประชาคมโลก
ใครได้รับผลกระทบมากที่สุด?
ประชาชนของทั้งสองประเทศ รวมถึงผู้คนในภูมิภาคตะวันออกกลางที่อยู่ใกล้แนวรบ
UN เข้ามามีบทบาทหรือยัง?
มีการประชุมฉุกเฉินหลายครั้ง แต่ยังไม่มีมาตรการที่ได้ผลจริง
สรุป: เส้นทางแห่งไฟและความหวัง
การเปิดฉากเดือดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านในปีนี้ ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญหรือการยิงผิดเป้า แต่มันคือบทสะสมของความเกลียดชัง ความกลัว และอุดมการณ์ที่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง เมื่อขั้วมหาอำนาจโลกเริ่มเลือกข้าง ความสงบจึงดูห่างไกล...
แต่อย่าลืมว่า ทุกสงครามที่ยิ่งใหญ่ในโลก ล้วนจบลงได้ด้วยคำว่า “เจรจา”