
สหรัฐฯ–จีน บรรลุดีลกรอบการทำงานทางการค้า คลายความตึงเครียดเรื่องแร่หายาก date_range 11 มิ.ย. 2025
ความคืบหน้าครั้งสำคัญในการเจรจาการค้าระหว่างสองมหาอำนาจ
ในการเจรจาทางการค้าระหว่าง สหรัฐอเมริกา และ จีน ที่จัดขึ้น ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งกินระยะเวลาสองวัน ได้มีความคืบหน้าที่จับต้องได้ โดยทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันใน “กรอบความร่วมมือทางการค้า” ซึ่งถูกคาดหวังว่าจะช่วยคลี่คลายความขัดแย้งด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกันที่ยืดเยื้อมานานหลายปี
กรอบความร่วมมือทางการค้า: จุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ระบุว่า กรอบการทำงานใหม่นี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความตึงเครียดทางการค้า โดยเฉพาะปัญหา “การควบคุมการส่งออกแร่หายาก (Rare Earth)” ของจีน และ “การจำกัดเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์” จากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเด็นร้อนที่ส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก
“กรอบการทำงานนี้ถือเป็นเนื้อหาหลักของข้อตกลงลดภาษี และจะถูกเสนอให้ผู้นำทั้งสองประเทศพิจารณาอนุมัติ” — ลุตนิก กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ข้อตกลงก่อนหน้า: การลดภาษี 90 วัน และบทสนทนาเจนีวา
ก่อนหน้าการเจรจาที่ลอนดอน ทั้งสองประเทศได้พบกันที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และบรรลุข้อตกลงในการ “ลดภาษีนำเข้าสินค้า” ชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการคลี่คลายความตึงเครียด และวางรากฐานสำหรับกรอบการเจรจารอบล่าสุดนี้
การเมืองระดับสูงยังมีบทบาทสำคัญ
อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเปิดประตูสู่ความร่วมมือในครั้งนี้ คือการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่าง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งช่วยลดบรรยากาศแห่งความขัดแย้ง และนำไปสู่การกำหนด “แนวทางร่วมกันในเชิงหลักการ” เพื่อจัดการข้อพิพาทด้านการค้า
มุมมองจากฝั่งจีน: จีนยืนยันความร่วมมือในหลักการ
หลี่เฉิงกัง รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันในหลักการเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติตามฉันทมติที่ผู้นำทั้งสองได้ตกลงกันไว้แล้ว”
ผลกระทบต่อภาคการเงินและนักลงทุน
การบรรลุข้อตกลงกรอบการทำงานระหว่างสหรัฐฯ–จีนในครั้งนี้ อาจส่งผลเชิงบวกต่อบรรยากาศในตลาดโลก โดยเฉพาะ ตลาดหุ้น, ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์, และ อุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามการค้า
สิ่งที่นักลงทุนควรจับตา
-
ท่าทีของผู้นำทั้งสองฝ่าย ต่อกรอบข้อตกลงฉบับใหม่นี้
-
การเปลี่ยนแปลงภาษีการนำเข้า–ส่งออก
-
นโยบายการควบคุมแร่หายากและชิปเซมิคอนดักเตอร์
-
แนวโน้มค่าเงิน USD–CNY ในระยะสั้นถึงกลาง
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. กรอบความร่วมมือทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีนคืออะไร?
กรอบความร่วมมือทางการค้าคือข้อตกลงเบื้องต้นที่วางแนวทางปฏิบัติร่วมกัน เพื่อคลี่คลายปัญหาการจำกัดการส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างกัน เช่น แร่หายากและเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์
2. ข้อตกลงนี้มีผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างไร?
การคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างสองประเทศช่วยลดความผันผวนในตลาดหุ้น ค่าเงิน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นักลงทุนอาจเห็นโอกาสในหุ้นเทคโนโลยีและโลหะหายาก
3. แร่หายากมีความสำคัญอย่างไร?
แร่หายากเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสินค้าไฮเทค เช่น ชิป, มอเตอร์ไฟฟ้า และอุปกรณ์พลังงานสะอาด ซึ่งจีนเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก
4. ข้อตกลงนี้จะส่งผลต่อค่าเงิน USD/CNY หรือไม่?
มีแนวโน้มว่าค่าเงินทั้งสองจะมีความผันผวนน้อยลง หากข้อตกลงได้รับการอนุมัติและดำเนินการจริง นักลงทุนสามารถติดตามแนวโน้มนี้เพื่อใช้ในการวิเคราะห์การเทรดคู่สกุลเงิน USD/CNY
5. นักลงทุนควรติดตามอะไรต่อจากนี้?
จับตาท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์และสีจิ้นผิงต่อการอนุมัติกรอบข้อตกลง รวมถึงประกาศจากธนาคารกลางหรือหน่วยงานเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ
บทสรุปสำหรับนักลงทุน
การบรรลุข้อตกลงกรอบความร่วมมือทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีนนับเป็นสัญญาณบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดโลก โดยเฉพาะในกลุ่มสินทรัพย์ที่เคยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เช่น หุ้นเทคโนโลยี, ค่าเงิน, สินค้าโภคภัณฑ์ และ ทองคำ
หากกรอบข้อตกลงนี้ได้รับการอนุมัติจากผู้นำทั้งสองฝ่าย นักลงทุนควรเตรียมวางกลยุทธ์ใหม่ในระยะสั้นถึงกลาง เนื่องจากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์อาจลดลงชั่วคราว และอาจเกิด “momentum buying” ในสินทรัพย์บางกลุ่ม