
แนวโน้มเงินเฟ้อสหราชอาณาจักร: วิเคราะห์ผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนในปี 2025 date_range 26 พ.ค. 2025
แนวโน้มเงินเฟ้อสหราชอาณาจักรในปี 2025
ในเดือนเมษายน 2025 อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรพุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2024 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เช่น ค่าน้ำและพลังงาน รวมถึงภาษีถนนและค่าโดยสารเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์จาก ING มองว่าแรงกดดันเงินเฟ้อพื้นฐานกำลังผ่อนคลาย โดยเฉพาะในภาคบริการ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (BoE) ใช้ในการประเมินนโยบายการเงิน
การวิเคราะห์จาก ING: แรงกดดันเงินเฟ้อภาคบริการลดลง
เจมส์ สมิธ นักเศรษฐศาสตร์จาก ING ระบุว่า เงินเฟ้อภาคบริการมีแนวโน้มลดลงใกล้ 4% ภายในเดือนมิถุนายน ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของ BoE ที่ประมาณ 5%
ปัจจัยที่สนับสนุนการลดลงของเงินเฟ้อภาคบริการ ได้แก่:
-
ค่าเช่าที่อยู่อาศัย: การเติบโตของค่าเช่าเริ่มชะลอตัว โดยเฉพาะในสัญญาเช่าใหม่ และการเพิ่มค่าเช่าในภาคที่อยู่อาศัยทางสังคมถูกจำกัดไว้ต่ำกว่า 3% เทียบกับเกือบ 8% ในปีที่แล้ว
-
การเติบโตของค่าจ้าง: แม้อัตราการเติบโตของค่าจ้างภาคเอกชนรายปียังคงสูงที่ 5.6% แต่ข้อมูลจาก Decision Maker Panel ของ BoE แสดงให้เห็นว่าอัตรารายปีสามเดือนได้ลดลงเหลือ 3%
ผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุน
การเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของ BoE มีผลกระทบโดยตรงต่อการตัดสินใจลงทุน:
-
อัตราดอกเบี้ย: BoE ได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 4.25% ในเดือนพฤษภาคม 2025 และคาดว่าจะมีการลดลงอีกครั้งในเดือนสิงหาคม โดยมีการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยสุดท้ายอาจต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ในปัจจุบัน
-
ตลาดการเงิน: การลดอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมลดลง ซึ่งอาจกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์
-
ค่าเงินปอนด์: การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยมีผลต่อค่าเงินปอนด์ ซึ่งอาจส่งผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ
คำแนะนำสำหรับนักลงทุน
นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้ในการตัดสินใจลงทุน:
-
ติดตามนโยบายการเงินของ BoE: การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยมีผลต่อผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้และหุ้น
-
ประเมินความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ: แม้เงินเฟ้อจะมีแนวโน้มลดลง แต่ยังคงอยู่เหนือเป้าหมายของ BoE ที่ 2% ซึ่งอาจส่งผลต่อมูลค่าที่แท้จริงของการลงทุน
-
กระจายการลงทุน: การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
FAQs
เงินเฟ้อภาคบริการคืออะไร และทำไม BoE ให้ความสำคัญ?
เงินเฟ้อภาคบริการคือการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการในภาคบริการ เช่น ค่าเช่า ค่าขนส่ง และค่าบริการต่างๆ BoE ให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นตัวชี้วัดแรงกดดันเงินเฟ้อภายในประเทศ
การลดอัตราดอกเบี้ยของ BoE มีผลอย่างไรต่อการลงทุน?
การลดอัตราดอกเบี้ยทำให้ต้นทุนการกู้ยืมลดลง ซึ่งสามารถกระตุ้นการลงทุนในภาคธุรกิจและตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม อาจส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ลดลง
ควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดในช่วงที่เงินเฟ้อสูง?
ในช่วงที่เงินเฟ้อสูง นักลงทุนอาจพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เช่น หุ้นของบริษัทที่มีอำนาจในการกำหนดราคา หรืออสังหาริมทรัพย์
การเติบโตของค่าจ้างมีผลต่อเงินเฟ้ออย่างไร?
การเติบโตของค่าจ้างที่สูงสามารถเพิ่มต้นทุนการผลิต ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น และทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น
BoE มีเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับใด?
BoE มีเป้าหมายในการรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ที่ระดับ 2% เพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ
ควรติดตามข้อมูลเศรษฐกิจใดเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน?
นักลงทุนควรติดตามข้อมูลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย การเติบโตของ GDP และข้อมูลตลาดแรงงาน เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและผลกระทบต่อการลงทุน
สรุป
แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรในเดือนเมษายน 2025 จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ข้อมูลจาก ING และ BoE แสดงให้เห็นว่าแรงกดดันเงินเฟ้อพื้นฐานกำลังผ่อนคลายลง ซึ่งอาจเปิดทางให้ BoE ลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคต นักลงทุนควรติดตามนโยบายการเงินและข้อมูลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ