เจาะลึก! ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีไทย 10% ส่งผลต่อดัชนีหุ้นและค่าเงินบาทอย่างไร?
8 ก.ค. 2025

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2025 อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศใช้มาตรการ “baseline tariff” หรือภาษีนำเข้าสินค้าทั่วโลกที่ 10% ซึ่งมีผลครอบคลุมประเทศไทยในกลุ่มประเทศแรกที่ถูกเก็บภาษี การเคลื่อนไหวนี้จุดกระแสความผันผวนในตลาดทุนทั่วโลก โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นไทย และ ค่าเงินบาท ที่เป็นตัวชี้วัดสำคัญของเศรษฐกิจภายในประเทศ

ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกผลกระทบเชิงลึกว่า ทำไมภาษี 10% จากทรัมป์ครั้งนี้ถึงส่งแรงสะเทือนขนาดใหญ่ต่อทั้งตลาดหุ้นไทยและค่าเงิน พร้อมแนะนำกลยุทธ์ที่นักเทรดและนักลงทุนสามารถนำไปใช้ได้ใน Guze Markets เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่กำลังเข้ามาอย่างรวดเร็ว


ทรัมป์เก็บภาษีไทย 10% คืออะไร?

การเก็บภาษีในอัตรา 10% นี้ ไม่ใช่มาตรการถาวร แต่เป็นการกดดันเชิงการเมือง โดยระบุว่า หากประเทศไม่สามารถเจรจาให้เกิดความ “เท่าเทียม” ทางการค้า สหรัฐฯ จะปรับเพิ่มเป็น “reciprocal tariff” ซึ่งในกรณีของไทยนั้นถูกกำหนดไว้ที่ 36% ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2025 เป็นต้นไป หากไม่มีข้อตกลงใหม่เกิดขึ้น


ผลกระทบต่อดัชนีหุ้นไทย: SET Index กำลังเผชิญอะไร?

ความเชื่อมั่นลดลงทันที

การเก็บภาษีนำเข้าไทย 10% ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนโดยตรง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์, ชิ้นส่วนยานยนต์, และเกษตรแปรรูป เพราะต้นทุนและการเข้าถึงตลาดสหรัฐจะลดลงทันที ทำให้เกิดแรงเทขายหุ้นในกลุ่มเหล่านี้

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมตกหนัก

ตัวอย่างเช่น DELTA, HANA, KCE ซึ่งมีรายได้จากสหรัฐสูง ต่างปรับตัวลดลงหลังข่าวภาษีถูกประกาศ ในบางวันร่วงถึง 3-5% เพราะนักลงทุนเกรงว่าผลกำไรจะถูกกินจากต้นทุนภาษี

หุ้นบางกลุ่มได้ประโยชน์

หุ้นที่เน้นขายภายในประเทศหรือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการทดแทนการนำเข้า (Import Substitution) เช่น กลุ่มเกษตรภายใน, พลังงาน, หรือโครงสร้างพื้นฐาน อาจกลับมาน่าสนใจ


ผลกระทบต่อค่าเงินบาท: ผันผวนแรงแค่ไหน?

เงินทุนไหลออก = ค่าเงินบาทอ่อน

เมื่อนักลงทุนต่างชาติเริ่มลดความเสี่ยงจากตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะประเทศที่มีความเสี่ยงทางการค้ากับสหรัฐ เงินทุนจะไหลกลับสู่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ดอลลาร์สหรัฐ หรือทองคำ ส่งผลให้ เงินบาทอ่อนค่าลง ทันที

ตัวอย่างการเคลื่อนไหว

หลังข่าวประกาศภาษี 10% ออกมา ค่าเงินบาทอ่อนจาก 35.20 เป็น 35.90 บาท/ดอลลาร์ ภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการอ่อนค่าครั้งใหญ่ในรอบหลายเดือน ส่งผลต่อเงินนำเข้าและอัตราเงินเฟ้อ


แนวโน้มเศรษฐกิจและกลยุทธ์ที่ควรใช้

กลยุทธ์การเทรด

ประเภทสินทรัพย์ กลยุทธ์แนะนำ เหตุผล
หุ้นส่งออก Short/Put Option ป้องกัน downside หากภาษีปรับเพิ่ม
ค่าเงินบาท (USD/THB) Long USD เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนต่อเนื่อง
ทองคำ Long สินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงความไม่แน่นอน
SET50 Index Swing Trade ใช้ technical analysis จับจังหวะสั้น ๆ

แนะนำสำหรับนักลงทุนรายย่อย

  • ติดตามการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด

  • เฝ้าระวังนโยบายของทรัมป์ โดยเฉพาะหากเขากลับเข้ารับตำแหน่งในปี 2025 อย่างเป็นทางการ

  • ใช้ stop-loss และปรับพอร์ตให้คล่องตัวพร้อมรับข่าวร้าย


บทสรุป

ภาษีนำเข้า 10% ที่สหรัฐกำหนดต่อสินค้าไทย แม้จะดูเล็กน้อยในระยะสั้น แต่ส่งผลสะเทือนต่อตลาดทุนและค่าเงินไทยในระดับที่ไม่ควรมองข้าม เพราะยังมีความเสี่ยงว่าอัตรานี้จะกลายเป็น 36% หากการเจรจาไม่สำเร็จในกรอบเวลา 90 วัน

ดัชนีหุ้นไทย เผชิญแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มส่งออก ขณะที่ ค่าเงินบาท มีแนวโน้มอ่อนค่า นักลงทุนในแพลตฟอร์มอย่าง Guze Markets ควรเตรียมพอร์ตด้วยกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง และมองหาสินทรัพย์ทางเลือกที่สามารถทำกำไรในช่วงตลาดผันผวน