5 เหตุผลทำไม อิสราเอล vs อิหร่าน ถึงเป็นเกมสงครามน้ำมัน ที่ทำให้ใครได้ประโยชน์จริง?
23 มิ.ย. 2025

5 เหตุผลทำไม อิสราเอล vs อิหร่าน ถึงเป็นเกมสงครามน้ำมัน ที่ทำให้ใครได้ประโยชน์จริง?

อิสราเอล vs อิหร่าน ใครได้ประโยชน์ในสงคราม

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้กลายเป็นหนึ่งใน “จุดระเบิดทางภูมิรัฐศาสตร์” ที่สั่นคลอนทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางและเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในด้านพลังงานและตลาดน้ำมัน โลกไม่สามารถเพิกเฉยต่อผลกระทบของความขัดแย้งนี้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นผลทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือผลประโยชน์ด้านยุทธศาสตร์

อิสราเอล พยายามเสริมสร้างความมั่นคงผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรตะวันตก โดยมีเป้าหมายคือการควบคุมการขยายอิทธิพลของอิหร่าน ขณะที่ อิหร่าน กลับมองว่า การยืนหยัดต่ออิสราเอลและการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในภูมิภาค คือการตอบโต้ที่ชอบธรรม และยังใช้พลังน้ำมันเป็นเครื่องมือต่อรองทางการทูต

ไม่ว่าจะมองจากมุมใด ความขัดแย้งนี้ไม่ได้มีแค่ "ผู้แพ้และผู้ชนะ" ในสนามรบ แต่ยังหมายถึง “ผู้ได้และผู้เสีย” ในเวทีเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดน้ำมัน


เป้าหมายของอิหร่าน: ขับเคลื่อนภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง

อิหร่าน ในฐานะหนึ่งในสมาชิกโอเปกและเป็นประเทศที่มีปริมาณน้ำมันสำรองอันดับต้น ๆ ของโลก ถือไพ่สำคัญทางเศรษฐกิจ หากเกิดสงครามหรือความขัดแย้งระดับรุนแรงขึ้นในช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางส่งออกน้ำมันหลักของโลก ย่อมกระทบต่อตลาดน้ำมันโดยตรง

กลยุทธ์ที่อิหร่านใช้คือ “การสร้างความกดดันผ่านน้ำมัน” ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ปิดช่องแคบ หรือการปรับเพิ่ม–ลดการผลิต ที่สำคัญยังมีบทบาททางอ้อมผ่านกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งทำให้การโจมตีแหล่งพลังงานหรือท่อส่งมีความเสี่ยงมากขึ้น

และเมื่อความเสี่ยงเพิ่มขึ้น—ราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นทันที หาก supply หายจากตลาดหรือการขนส่งถูกกระทบ แต่ในทางกลับกัน หากสงครามลุกลามจนกระทบการบริโภคพลังงานทั่วโลก ราคาน้ำมันก็อาจ ร่วงลง เช่นกันจากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย


ใครได้ประโยชน์จริง? มุมมองจากการเมือง-เศรษฐกิจโลก

ความขัดแย้งนี้ ไม่ได้มีแค่สองผู้เล่นเท่านั้นที่ได้หรือเสีย ยังมี “ผู้เล่นเงา” อีกมากมาย:

  • สหรัฐฯ: ได้ทั้งผลประโยชน์ทางการเมืองจากการเป็น “พี่ใหญ่” ในภูมิภาค และผลทางเศรษฐกิจจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อราคาพุ่ง

  • ยุโรป: เผชิญต้นทุนพลังงานสูงจากความไม่แน่นอน แต่ถือเป็นโอกาสในการเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียน

  • ประเทศโอเปก+ อย่างซาอุฯ: ได้ประโยชน์ตรงจากราคาน้ำมันที่อาจพุ่งสูง แต่ก็ต้องคอยรักษาสมดุลเพื่อไม่ให้ตลาดพัง

  • จีน: แม้ได้รับผลกระทบด้านต้นทุนการนำเข้า แต่ใช้โอกาสนี้สร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับประเทศแหล่งพลังงานใหม่ ๆ


สงครามกับตลาดน้ำมันโลก: ใครเป็นผู้กุมอำนาจ?

แม้ อิหร่าน จะมีน้ำมันมหาศาล แต่อิสราเอลก็มีอำนาจต่อรองผ่าน เทคโนโลยีทางทหาร และการสนับสนุนจากชาติตะวันตก สงครามหรือความขัดแย้งในภูมิภาคนี้ส่งผลให้ “ราคาน้ำมันโลกผันผวนอย่างมีนัยสำคัญ” ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง

ความเป็นไปได้ของราคาน้ำมัน:

  • อาจพุ่งสูงขึ้น: หากเกิดการโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันหรือขัดขวางเส้นทางส่งออก เช่น ช่องแคบฮอร์มุซ

  • อาจร่วงลง: หากสงครามลุกลาม จนเกิดความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งลดความต้องการใช้น้ำมัน

ราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์สจึงผันผวนสูง และเป็นช่องทางเก็งกำไรของนักลงทุนพลังงานระดับโลก


สรุปตำแหน่งในระบบโลก: อิสราเอล vs อิหร่าน

ปัจจัย อิสราเอล อิหร่าน
เทคโนโลยีการทหาร สูงและทันสมัย กำลังพัฒนา มีพันธมิตรภูมิภาค
อำนาจน้ำมัน ต่ำ สูง (ผู้ผลิตและส่งออกหลักของโอเปก)
พันธมิตรระหว่างประเทศ สหรัฐฯ และยุโรป รัสเซีย จีน และกลุ่มต่อต้านตะวันตก
ความสามารถในการเจรจา สูง ด้วยภาพลักษณ์โลกตะวันตก ใช้น้ำมันและกลุ่มพันธมิตรเป็นเครื่องมือ
ผลกระทบจากสงคราม ทุนไหลเข้า–เศรษฐกิจคงตัว ถูกคว่ำบาตร แต่ใช้น้ำมันสร้างแรงต่อรอง

บทสรุป: แชมป์ใคร? ประโยชน์จริงอยู่ที่ใครในสงครามนี้

สงครามไม่ได้มีแค่สองฝ่ายที่เสียหาย—แต่มีหลายฝ่ายที่ ได้ประโยชน์อย่างแยบยล อิหร่านใช้พลังน้ำมันเป็นไพ่ต่อรอง ส่วนอิสราเอลรักษาฐานอำนาจผ่านเทคโนโลยีและพันธมิตร ขณะที่ประเทศอื่น ๆ อย่าง ซาอุฯ สหรัฐฯ และจีน กลับมีโอกาสเก็บเกี่ยวผลกำไร ทั้งจากราคาและความไม่แน่นอน

สุดท้าย ราคาน้ำมัน กลายเป็นตัวชี้วัดความคุ้มค่าในสงครามนี้—และไม่ว่าจะพุ่งหรือร่วง ก็มีผู้ที่รู้ทันและพร้อมสร้างผลประโยชน์จากสถานการณ์ได้เสมอ


คำถามที่พบบ่อย

ผลกระทบต่อตลาดน้ำมันโลกจากสงครามใหญ่ในตะวันออกกลางเป็นอย่างไร?
ความไม่แน่นอนส่งผลให้ราคาน้ำมันผันผวน และกระทบเสถียรภาพเศรษฐกิจหลายภูมิภาค

อิสราเอลได้อะไรจากความขัดแย้งนี้?
ได้สร้างความมั่นคงในพันธมิตรตะวันตก ขยายบทบาทในภูมิภาค และควบคุมภัยคุกคามทางยุทธศาสตร์

อิหร่านใช้น้ำมันเป็นอาวุธการทูตได้อย่างไร?
ใช้การข่มขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซและการลด/เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อสร้างแรงต่อรอง

ราคาน้ำมันจะขึ้นหรือลงจากสงครามนี้?
ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของสงคราม และความมั่นใจของตลาด อาจพุ่งสูงหาก ซัพพลาย ถูกกระทบ หรืออาจร่วงหากเศรษฐกิจโลกซบเซา

ใครได้ประโยชน์มากที่สุด?
ประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกสมรภูมิ เช่น ซาอุฯ สหรัฐฯ และนักลงทุนที่เก็งกำไรได้ถูกจังหวะ

ตลาดพลังงานทางเลือกได้รับผลกระทบอย่างไร?
ได้รับการสนับสนุนมากขึ้นเมื่อราคาน้ำมันผันผวน กระตุ้นการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด