สรุปการดำเนินงาน FOMC

May 2, 2024

โอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตามเครื่องมือ CME Fed Watch ตลาดเงินกำลังมองโอกาสที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 38% ก่อนการแถลงนโยบายเป็น 42.5%

“ เฟดยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้อยังสูง แต่ยังคงตั้งเป้าที่จะลดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ใน 2% และไม่พอใจอัตราเงินเฟ้อในเรท 3% และได้กล่าวถึงความอ่อนแอด้านแรงงานที่อาจเกิดขึ้นตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ในส่วนของรายงานเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทั้ง 3 ฉบับ ธนาคารกลางรัฐไม่สามารถเพิกเฉยได้ เฟดยังคงต้องการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อลงมาที่ 2% และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่ได้เป็นเรื่องที่เฟดต้องคำนึงถึง ”

“ และอย่างไรก็ตามเฟดได้ส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยว่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในขั้นตอนต่อไปเพียงแต่ต้องใช้เวลามากขึ้นในการพิจารณา
นอกจากนี้ประธานเฟดยังกล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับความอ่อนแอที่อาจเกิดขึ้นในตลาดแรงงาน โดยกล่าวถึงรายงาน JOLTs ว่าอาจกระตุ้นให้เกิดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหากมีการลดลงของตลาดแรงงาน ซึ่งส่วนนี้จะทำให้มีความมั่นใจต่ออัตราเงินเฟ้อมากขึ้น” ประธานเฟดกล่าว

ในขณะที่มีการกล่าวนั้น หุ้นและทองคำปรับตัวขึ้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่า และมีดีดกลับเล็กน้อย

อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป? ส่วนตัวคาดว่าความกังวลจะกลับมาในวันช่วงการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจจำนวนคนยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกวันนี้(พฤหัสบดี) จากคำกล่าวของเฟดในวันนี้ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างชัดเจนหรือแนวทางที่แตกต่างไปจากครั้งก่อนหน้า

และแน่นอนว่านอกจากตัวเลขการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะมีประกาศในวันนี้ ก็ยังมีตัวเลขสำคัญที่จะประกาศในวันศุกร์นี้อย่างการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม ซึ่งการว่างงาน 4% จะกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ใหญ่ขึ้นในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และสนับสนุนทองคำและหุ้นได้อีกด้วย แต่อัตราว่างงาน 4% ก็ยังคงมองว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่ความอ่อนแอด้านแรงงานอาจทำให้เกิดการดำเนินการที่มีความเสี่ยง นั้นคือการตอบโต้โดยการคงอัตราดอกเบี้ยอย่างที่ทำในการประกาศคงดอกเบี้ยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

และในการประกาศอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐ ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมตามที่คาดไว้ โดยให้อัตราเงินกองทุนของรัฐบาลกลางอยู่ที่ 5.25%- 5.5% % ธนาคารกลางยังประกาศชะลอการเข้มงวดเชิงปริมาณ โดยลดเพดานการไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลของกระทรวงการคลังลงเหลือ 25,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนจาก 60,000 ล้านดอลลาร์เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน

ข้อความที่สรุปมาทั้งหมดนี้ค่อนข้างน่ากังวลในแง่ของตลาดเงิน ผู้กำหนดนโยบายของเฟดได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% และการลดอัตราดอกเบี้ยในตอนนี้ยังไม่เหมาะสม และจะลดอัตราดอกเบี้ยก็ต่อเมื่อเฟดมีความมั่นใจมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนตัวอย่างยั่งยืนไปที่ 2%”

และในเอกสารของเฟดเดือนมีนาคม ระบุว่าเป้าหมายเงินเฟ้อและการจ้างงาน “กำลังเข้าสู่ความสมดุลที่ดีขึ้น” ได้ถูกเปลี่ยนเป็น “ได้ก้าวไปสู่ความสมดุลที่ดีขึ้นในปีที่ผ่านมา” ข้อความดังกล่าวบ่งชี้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ และการคงอัตราดอกเบี้ยก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะยาวนานเท่าไหร่

เพิ่มเติมในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่ประกาศในช่วงค่ำที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานยังคงตึงตัวในขณะที่การเติบโตเริ่มซบเซา และจากการสำรวจของ ADP ระบุว่าภาคเอกชนมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้น 192,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน ในขณะที่จำนวนตำแหน่งงานว่างยังคงเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ 8.5 ล้านในวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ตามรายงานของ JOLTS และในเวลาเดียวกันก็ได้มีการประกาศผลผลิตภาคอุตสาหกรรม “หดตัวลงในเดือนเมษายนหลังจากเดือนก่อนหน้าเพิ่งมีการขยายตัวในรอบ 16 เดือน ตามรายงานล่าสุดของ Manufacturing ISM”

และ S&P Global PMI ภาคการผลิตในเดือนเดียวเมษายนลดลงมาที่ 49.4 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ 50 และลดลงจาดครั้งก่อนที่ 49.8 เป็นการยืนยันว่าตลาดแรงงานมีการหดตัวลงอย่างมากในเดือนเมษายน

ในงานแถลงข่าวของคุณพาวเวลล์ กล่าวย้ำว่าการตัดสินใจว่าจะต้องประชุมกันแบบพบกันหมด และชี้แจงว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายครั้งต่อไป และยังเสริมว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นทางเลือกหนึ่งหากอัตราเงินเฟ้อเริ่มกลับมาลดลงอีกครั้ง และยังรวมถึงตลาดแรงงานที่อ่อนแอด้วย และคุณพาวเวลล์ยังบอกอีกว่าอาจจะใช้เวลานานกว่าเดิมในการเอาชนะอัตราเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ 2%

โดยรวมแล้วเฟดมีความกังวลต่อสถานการนโยบายการเงินค่อนข้างมาก ทำให้หุ้นพุ่ง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและดอลลาร์สหรัฐร่วงลงพร้อมกัน และอย่าลืมว่าวันนี้ตลาดส่วนใหญ่ปิดทำการในวันแรงงาน ซึ่งหมายความว่าสิ่งต่างๆ อาจพลิกผันเล็กน้อยในช่วงตลาดเอเชีย และคาดว่าตลาดทุนยังคู่ในโหมดเสี่ยง ซึ่งหมายความว่าดอลลาร์อาจลงมาแตะระดับต่ำสุดรายสัปดาห์ในช่วงต้นตลาดเอเซียและยุโรป